ไฟฟ้าสถิต (Static electricity) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของปริมาณประจุไฟฟ้าขั้วบวกและขั้วลบภายในวัสดุหรือบนพื้นผิวของวัสดุ ซึ่งประจุไฟฟ้าเหล่านั้นจะยังคงอยู่จนกระทั่งเกิดการเคลื่อนที่หรือมีการถ่ายเทประจุ (Electrostatic Discharge) โดยปกติแล้ววัสดุทุกชนิดมีความเป็นกลางทางไฟฟ้า จะมีปริมาณของประจุบวกและประจุลบอย่างละเท่า ๆ กัน
ทั้งนี้ ประจุไฟฟ้าเหล่านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากการขัดถู สัมผัส หรือเสียดสีกันระหว่างวัสดุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัสดุประเภทที่ไม่นำไฟฟ้าหรือที่เรียกว่า “ฉนวน” ซึ่งจากสถานการณ์ที่มีการนำลูกโป่งมาถูกับเส้นผม หรือการสัมผัสกันระหว่างรองเท้าหนังและพรมเช็ดเท้า
สถานการณ์เหล่านั้นทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า เป็นผลให้เกิดความไม่สมดุลของจำนวนประจุบวกและประจุลบในวัสดุแต่ละชิ้น ด้วยเหตุนี้วัสดุที่ต่างก็มีความไม่สมดุลของประจุไฟฟ้า จึงมีความพยายามถ่ายเทประจุไฟฟ้ากับวัสดุอื่นๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับตัวเอง และการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้านี้เองที่เป็นสาเหตุของความรู้สึกที่คล้ายกับการถูกไฟฟ้าช็อตหรือที่เรียกว่า “ไฟฟ้าสถิต” นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนำลูกโป่งมาถูเข้ากับเส้นผม ประจุลบที่อยู่บนเส้นผมจะถูกถ่ายเทไปยังลูกโป่ง นั่นทำให้ร่างกายมีประจุบวกมากกว่าประจุลบ และเมื่อไปสัมผัสกับมือจับบานเลื่อนประตูซึ่งเป็นโลหะ ประจุลบจากมือจับประตูจะถ่ายเทมายังร่างกายอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้สะดุ้งและรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตเบาๆ
การปลดปล่อยไฟฟ้าสถิต
ประกายไฟที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตจะเกิดจากการปลดปล่อยไฟฟ้าสถิต เมื่อประจุส่วนเกินจะถูกเป็นกลางโดยการไหลของประจุจากหรือไปยังสภาพแวดล้อม
ความรู้สึกของไฟฟ้าช็อกจะเกิดจากการกระตุ้นของเส้นประสาทเมื่อกระแสเป็นกลางไหลผ่านร่างกายมนุษย์ พลังงานที่เก็บไว้ในรูปไฟฟ้าสถิตย์บนวัตถุหนึ่งจะแปรผันขึ้นอยู่กับขนาดของวัตถุและค่าคาปาซิแตนซ์ของมัน, แรงดันไฟฟ้าที่ใช้ใส่ประจุให้มัน และค่าคงที่ไดอิเล็กตริกของตัวกลางโดยรอบ สำหรับการสร้างแบบจำลองของ ผลกระทบของการปล่อยปล่อยไฟฟ้าสถิตบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความไว มนุษย์จะถูกแสดงเป็นตัวเก็บประจุขนาด 100 pf ถูกใส่ประจุจากแรงดันไฟฟ้า 4000 ถึง 35000 โวลต์ เมื่อสัมผัสกับวัตถุ พลังงานนี้จะถูกปลดปล่อยในเวลาน้อยกว่าหนึ่งส่วนล้านวินาที[7] ในขณะที่พลังงานทั้งหมดมีขนาดเล็ก ด้วยค่าสิบยกกำลังของมิลลิจูล มันก็ยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความไว วัตถุขนาดที่ใหญ่กว่าจะเก็บพลังงานได้มากกว่า ซึ่งอาจเป็นอันตรายโดยตรงจากการสัมผัสของมนุษย์ หรืออาจจะให้ประกายไฟที่สามารถจุดชนวนก๊าซหรือฝุ่นละอองไวไฟ
วิธีป้องกัน “ไฟฟ้าสถิต”
1.รักษาความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม โดยอากาศในห้องควรอยู่ระหว่างร้อยละ 40-50 ซึ่งสามารถวัดค่าความชื้นได้ด้วยเครื่องวัดความชื้นสัมพัทธ์ที่หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ทั่วไป
2.การดื่มน้ำ
3.การทาครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
4.การสวมรองเท้าพื้นยาง
5.การหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าขนสัตว์ ซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้า
l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l
ที่มา www.tnnthailand.com
สนใจดูสินค้า SAJI ได้ที่ sa-thai.com/shop