ระบบนิวเมติกส์
ระบบลมอัด หรือ ระบบนิวแมติกส์ จะทำงานได้ก็จะต้องประกอบด้วยชุดต้นกำลังในที่นี้เรานิยมเรียกว่า ปั๊มลม ปั๊มลมจะทำหน้าที่ส่งลมอัดให้กับอุปกรณ์ในระบบนิวแมติกส์ จากปั๊มลมไปสู่เครื่องระบายความร้อน ไปสู่เครื่องทำลมแห้ง ไปสู่ชุดกรองลม ไปสู่วาล์วลม ไปสู่กระบอกลมหรือมอเตอร์หรือหัวขับลม ทำให้ระบบทำงานได้ เราลองมาดูลายละเอียดเบื้องกันครับว่ามีอย่างไรบ้าง
รูปภาพ ระบบนิวแมติกส์
1. เครื่องอัดลม (air compressor)
เป็นตัวที่จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานเครื่องยนต์ ให้เป็นพลังงานลมอัด เพื่อที่จะสร้างความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศ อาจจะแบ่งเครื่องปั้มลมออกเป็นเป็น 3 ขนาด คือขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ตัวปั๊มลมจะสร้างความดันลมอัดได้ระหว่าง 1-16 บาร์(bar)(หรือบางรุ่นอาจจะสร้างความดันได้มากกว่า 16บาร์ขึ้นไป) ส่วนมากอุปกรณ์นิวแมติกส์จะใช้แรงดันอยู่ไม่เกิน 10 บาร์(bar)
โครงสร้างของเครื่องปั๊มลม ที่มีขายในท้องตลาด แบ่งออกเป็น2แบบลูกสูบ และแบบสกรู (มีเสียงเงียบและจะพบในระบบใหญ่ที่มีการใช้ปริมาณลมเยอะ)
2. เครื่องระบายความร้อนลมอัด (heal exchanger)
เนื่องจากเครื่องอัดลมทำงานโดยอัดอากาศจากความดันบรรยากาศปกติ ให้มีความดันสูงจึงมีความร้อนสะสมในระบบมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลดอุณหภูมิของลมอัด ก่อนที่จะนำไปใช้งาน (ระบบเล็กๆอาจจะไม่ใช้ aheal exchanger ก็ได้)
3. เครื่องทำลมให้แห้ง (air dryer)
เนื่องจากความกดอากาศที่สูงภายในระบบลมอัดจึง มีความชื้นปะปนอยู่มาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเอาความชื้นออกจากลมอัดให้ได้มากที่สุด เพื่ออยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ (ระบบเล็กๆอาจจะไม่ใช้ air dryerก็ได้)
4. กรองลม (air filter)
มีความสำคัญมากในระบบลม จะมีหน้าที่กรองน้ำ กรองเศษฝุ่น/ผง เล็กๆ ก่อนเข้าสู่ระบบจะช่วยยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี
5. วาล์วลดความดัน (pressure regulator valve)
มีความสำคัญมากในระบบลมเช่นเดียวกันเพราะอุปกรณ์บางอย่างออกแบบสำหรับรับแรงดันไม่เท่ากัน ดั้งนั้นการลดแรงดันให้เหมาะสม และการปรับให้ถูกต้อง ช่วยยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี
6. อุปกรณ์จ่ายน้ำมันหล่อลื่น (oil lubricator)
เนื่องจากอุปกรณ์นิวแมติกส์ส่วนใหญ่ เช่น วาว์ลลม,กระบอกลม,หัวขับลม ต้องการน้ำมันในการหล่อลื่นถ้าหากไม่มีการหลื่อลื่นแล้ว อุปกรณ์จะเสียหายเร็วมาก แต่ ในงานนิวแมติกส์บางประเภท เช่นระบบนิวแมติกส์งานอาหาร หรือ งานที่ต้องใช้ลมเข้าไปเป็นส่วนผสมเราจึงไม่ต้องการน้ำมันให้เข้าไปสู่ระบบเด็ดขาด…… ดั้งนั้นเวลาเลือกอุปกรณ์ประเภทนี้ ต้องพริจารณางานของเราให้ดีนะครับ ไม่งั้นเสียหายแน่ๆครับ
7. อุปกรณ์เก็บเสียง (air silencer)
ลมอัดเมื่อถูกใช้งานแล้วจะระบายทิ้งออกสู่บรรยากาศ โดยออกมาทางรูระบาย ถ้าไม่มีตัวเก็บเสียงมาติดตั้งที่รูระบายแล้ว เมื่อลมอัดถูกระบายทิ้งออกสู่บรรยากาศจะมีเสียงดัง วาล์วเก็บเสียงบางรุ่นยังถูกออกแบบให้สามารถ ปรับอัตราการไหลของลมได้อีกด้วย จะทำให้เราควบคุมความเร็วของกระบอกลมหรือหัวขับลมหรือมอเตอร์ลม ได้อีกด้วย
8. วาล์วเปลี่ยนทิศทางลม (air flow change valve)
เป็นหัวใจสำคัญของระบบเลยก็ว่าได้ วาล์วลมจะทำหน้าที่เปลี่ยนทิศทางลมตามความต้องการของเราโดยเฉพาะการควบคุมกระบอกลม จะมีวงจรต่างๆมากมาย จะขออธิบายในโอกาศถัดไป
9. วาล์วบังคับความเร็ว (speed control valve)
วาล์วตัวนี้จะทำหน้าที่ปรับอัตราการไหลของลม(ไม่ใช่ปรับแรงดันลม) ให้เข้าสู่ระบบมากหรือน้อยตามต้องการได้ ส่งผลใ้ห้เราบังคับความเร็วของอุปกรณ์ได้เช่น กำหนดความเร็วของการเคลื่อนที่แกนกระบอกลมได้ กำหนดความเร็วของหัวขับลมได้
10. กระบอกสูบ (air cylinder)
เป็นพระเอกของงานนี้ พูดถึงนิวแมติกส์ก็ต้องพูดถึงกระบอกลม กระบอกลมจะทำหน้าที่เปลี่ยนจากพลังงานลมให้เป็นพลังงานกล คือพูดง่ายๆ เอาลมจ่ายเข้าที่ท้ายกระบอกลมจะไปพลักลูกสูบทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ แกนที่ติดกับลูกสูบจะเคลื่อนที่ไปด้วย เราจะประโยนน์ตรงนี้นำไปใช้งานโดย การพลัก/ดัน/ดึง ชิ้นงานได้ แรงของกระบอกลมไม่ธรรมดานะครับ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ สามารถดันของได้น้ำหนักเป็น หลายร้อยกิโลกรัมเลยนะครับ
ที่มา —————>https://www.factorymartonline.com/
สามารเข้าชมสินค้า S A J I ได้ที่ https://sa-thai.com/shop/
l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l